วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ตลาดปลาทอง


หลังจากพาไปดูปลาที่ฮ่องกงเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว คราวนี้จะขอปิดท้ายที่ตลาดปลาฮ่องกง หรือที่รู้จักกันในนาม Goldfish Market หรือตลาดปลาทองนั่นเอง
ขอเท้าความเล็กน้อยถึงข้อมูลของตลาดปลาทองสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยรู้ว่าคือตลาดปลาสวยงามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย มีสัตว์น้ำสวยงามสารพัดชนิดที่ส่งตรงจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งปลาน้ำจืดและน้ำเค็ม ซึ่งพร้อมจะส่งออกจากเมืองท่าแห่งนี้ตลอดเวลา ถ้าใครแวะเวียนมาฮ่องกงแล้วอยากไปเยี่ยมชมก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีรถไฟใต้ดินให้บริการจนถึงหน้าตลาด เพียงแค่กดเลือกตั๋วไปสถานีปรินส์เอ็ดเวิร์ด ทางออก B2 และข้ามถนนไปก็จะเจอสถานที่แห่งนี้ แต่ถ้าใครไม่อยากเหนื่อยจะเรียกแท็กซี่จากที่พักก็ได้ เพราะค่าบริการไม่แพงมากนัก ยิ่งไปกันหลายคนก็ยิ่งคุ้ม
จำได้ว่าเคยเขียนถึงตลาดปลาแห่งนี้แล้วครั้งสองครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่เขียนก็เต็มไปด้วยความประทับใจที่ได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมตลาดแห่งนี้ตลอดหลายปี เรียกว่าชอบจนเป็นธรรมเนียมส่วนตัวที่ต้องบินข้ามฟ้ามาดูว่าเขาค้าขายอะไรกันบ้าง อย่างน้อยปีละครั้ง
แม้จะมีความรู้สึกดีๆกับตลาดนี้ค่อนข้างมาก แต่เมื่อกลับไปเยือนอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ ผู้เขียนกลับพบว่าตลาดเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของร้านค้าที่ลดจำนวนลง เช่นเดียวกับปริมาณและสายพันธุ์ของสัตว์น้ำที่นำมาขาย สวนทางกับราคาที่แพงขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
ยิ่งเดินสำรวจในตลาดก็ยิ่งเห็นว่าบางร้านลดขนาดของตัวเองลง จาก 2 ห้องเหลือเพียงห้องเดียว บางร้านถึงกับเลิกกิจการ บางร้านแก้ปัญหาโดยแบ่งห้องให้เล็กลง หรือย้ายขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 หรือ 3 ของตึก แม้จะมีข้อดีที่ค่าเช่าถูกลง แต่จำนวนลูกค้าก็ลดลงไปด้วย ยิ่งลูกค้าที่ไม่เป็นขาประจำหรือไม่เคยซื้อขายกันแล้วก็ยากที่จะรู้ว่ามีร้านขายปลาอยู่บนตึกไหนบ้าง
โชคดีของผู้เขียนที่เพื่อนชาวฮ่องกงช่วยเป็นไกด์นำทางให้ในตอนสายของวันรุ่งขึ้น เขาอธิบายถึงสาเหตุที่ทุกอย่างดูแย่ลงว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจปีนี้ไม่ค่อยดี ค่าเช่าจึงขยับขึ้น ร้านปลาเหล่านี้จึงต้องปรับตัวตามอย่างที่เห็น มิเช่นนั้นแล้วก็จะอยู่ไม่รอด เป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง จำนวนปลาที่เข้ามาจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ราคาก็แพงขึ้น สาเหตุนี้จึงทำให้คนเลี้ยงน้อยลงเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เสน่ห์ของตลาดปลาแห่งนี้หายไปเยอะทีเดียว ของใหม่ๆไม่ค่อยมีให้เห็นเหมือนที่ผ่านมา สำหรับปลาน้ำจืดนั้นผู้เขียนเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ต่างจากแต่ก่อนที่จะเห็นปลาแพะประหลาดๆ ปิรันย่าตัวแปลกๆ ปลาเล็กที่ยังไม่เคยมีในเมืองไทย ให้ตื่นตาตื่นใจเล่นแทบทุกร้าน ปลาทะเลก็ราคาสูสีกับบ้านเรา ของก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเสียเท่าไร
สรุปว่าถ้าใครคิดจะไปเดินเล่นแบบไม่หวังผลก็คงเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกและน่าลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ถ้าใครเคยไปแล้ว ขอแนะนำว่าไม่ต้องไปอีกจนกว่าทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพปรกติ มิเช่นนั้นจะผิดหวังเหมือนอย่างผม
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 364 วันที่ 16 – 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555 หน้า 58 คอลัมน์ น้ำเป็นของปลา โดย ภวพล


ที่มาของเนื้อหา...http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=15013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น