วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

มือใหม่หัดเพาะปลาทอง





มือใหม่หัดเพาะปลาทอง


บทความนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ ที่สนใจเพาะพันธุ์ปลาทองด้วยตัวเอง แต่กว่าจะได้ลูกปลามานั้น ต้องทำอย่างไร ต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับอะไรบ้าง เราต้องคิดให้ดี เพราะมีหลายครั้งเหมือนกันที่พวกเราไม่อยากจะทำการผสมพันธุ์ปลา เหตุผลก็เพราะ


1. เพาะออกมาแล้วไม่มีที่เลี้ยง
การรีดไข่ปลาแต่ละครั้งนั้น แม่ปลาที่สมบูรณ์จะให้ลูกไม่ต่ำกว่า 2000 – 4000 ตัว ฉะนั้นต้องแน่ใจแล้วว่าเรามีที่เลี้ยงเพียงพอกับการอนุบาลต่อไปหรือไม่
2. การอนุบาลลูกปลานั้นต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก
เพราะถ้าขาดตกบกพร่องไปซักขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตในอนาคตของลูกปลาได้ ทั้งอาหารที่ต้องให้อย่างสม่ำเสมอและน้ำต้องคอยเปลี่ยนถ่ายให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา
3. ลูกปลาที่ได้นั้นต้องมีการคัดเลือกเพื่อให้ได้ตัวที่ตรงตามมาตรฐาน
ยิ่งปลาที่มีระดับมาตรฐานสูงอย่างรันชูหรือโตซากิ้นนั้นแล้ว จาก 3-4 พันตัว อาจเหลือไม่ถึง 100 ตัว หรือไม่กี่สิบตัว แล้วตัวที่ถูกคัดทิ้งล่ะ!!! คุณทำใจที่จะทิ้งได้หรือไม่ หรือปลาคัดทิ้งพวกนั้นคุณจะทำอย่างไรกับมัน หากคุณคิดว่า..ไม่เป็นไรฉันจะเลี้ยงเองไว้ทั้งหมด ก็ให้กลับไปดูข้อที่ 1 และ 2

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว...ว่าพร้อมที่จะต้องรับมือกับมัน ก็มาเริ่มกันเลยค่ะ กับการเพาะพันธุ์ปลาทองสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้...

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนผสมพันธุ์

1. พ่อ-แม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ ทางที่ดีควรมีตัวเมีย 1 ตัวผู้ 2 เพราะไข่ปลาตัวเมียที่สมบูรณ์นั้นมีมาก อาจทำให้น้ำเชื้อตัวผู้แค่ 1 ตัว นั้นไม่เพียงพอกับไข่ปลาทั้งหมดได้
2. กาละมังขาวซัก 2 – 3 ใบ
3. อ่างหรือบ่อใส่น้ำสะอาดเอาไว้ และต้องมีขนาดใหญ่พอสมควรเพื่อวางกาละมังขาว
เมื่อตื่นเช้ามาพบว่าปลาตัวผู้เริ่มไล่ตอดปลาตัวเมียแล้ว ให้ลองบีบท้องตัวเมียเบาๆ ว่ามีไข่หลุดออกมาหรือไม่ หากมีไข่คุณก็ต้องเป็นคุณหมอคอยผสมพันธุ์ในหลอดแก้ว เอ้ย..ในกาละมังซะแล้วตอนนี้ เมื่อแปลงร่างเป็นคุณหมอสูติแล้วเราก็เริ่มทำการผสมพันธุ์กันเลย
4. ออกซิเจน ที่พอเพียงสำหรับ 5-6 หัวทรายขึ้นไป
5. ไข่อาร์ทีเมีย ลูกไรแดง โรติเฟอร์ หนอนจิ๋วหรืออาหารสดที่จะต้องนำมาอนุบาลลูกปลา



ขั้นตอนการผสมพันธุ์ (ขั้นตอนนี้แบ่งออกเป็น การผสมพันธุ์โดยธรรมชาติและการผสมพันธุ์เทียม)



การผสมพันธุ์แบบธรรมชาติ
การผสมพันธุ์แบบธรรมชาติก็คือ การที่เราปล่อยให้ปลาที่เป็นพ่อ-แม่พันธุ์ได้ผสมพันธุ์กันเอง โดยตัวผู้จะไล่ตอดตัวเมียเพื่อให้ไข่หลุดออกมาจากท้องตัวเมีย แล้วทำการฉีดน้ำเชื้อเข้าผสมไข่ที่หลุดออกมา ทำให้ไข่เกิดการปฏิสนธิกันขึ้น
ควรปล่อยปลาลงในบ่อผสมพันธุ์ที่มีพันธุ์ไม้น้ำ เช่น สาหร่าย หรืออาจจะใช้เชือกฟางฉีกเป็นฝอยเพื่อให้ไข่ปลาเกาะติด ที่ต้องนำสาหร่ายหรือเชือกฟางใส่ลงไปด้วยนั้นก็เพราะหาที่หลบซ่อนให้ไข่ปลานั่นเอง เพราะสาหร่ายหรือเชือกฟางสามารถป้องกันการกินไข่ของพ่อแม่ปลาทองได้ เพราะปลาทองจะเก็บกินไข่ที่ตกอยู่ที่พื้นหรือที่โล่งจนหมด การผสมพันธุ์แบบนี้จะขอกล่าวถึงเพียงแค่นี้ เพราะเกือบจะไม่ต้องทำอะไรเลยให้เค้าเป็นไปตามธรรมชาติ โดยซักตี 3 ตี 4 เค้าจะเริ่มไล่กันแล้ว พอเช้ามาเราก็ทำการแยกพ่อแม่ปลาออกเท่านั้นเอง

การผสมพันธุ์เทียม
การผสมพันธุ์เทียมก็คือ การนำพ่อ-แม่พันธุ์มารีดไข่ โดยสังเกตดูท้องตัวเมียจะป่องๆ แสดงว่าตัวเมียเริ่มไข่แล้ว หากไข่สุกเต็มที่ ตัวเมียจะขับเมือกคาวๆ ออกมาพร้อมไข่ ตอนนี้ปลาตัวผู้จะคอยไล่ตอดตัวเมียทั้งคืนจนถึงพรุ่งนี้เช้า พอเราสังเกตเช่นนี้แล้ว ก็รีบหาอุปกรณ์มาเตรียมพร้อมไว้สำหรับเป็นหมอตำแยดีกว่า...แนะนำว่าให้ทำช่วง ตี 5 - 6 โมงเช้า เป็นช่วงอากาศที่กำลังพอดีไม่ร้อนด้วยเป็นผลดีกับไข่ปลาค่ะ

1. นำกาละมังขาวใส่น้ำสะอาด(ปราศจากคลอรีน) มาเตรียมไว้เพื่อรีดไข่ปลา
2. นำแม่พันธุ์มาอยู่ในกาละมัง พยายามจับเบาๆ อย่าให้มันตกใจเพราะแค่มันสบัดตัวไข่ก็ออกมาเป็นร้อยแล้ว
3. จากนั้นนำพ่อพันธุ์มาใส่รวมกัน ให้อยู่ภายในกาละมังซักพัก พอปลาหายตื่นตกใจค่อยทำการรีด
4. ทำการรีดไข่ปลา โดยปกติแล้วน้ำเชื้อตัวผู้จะต้องออกแรงรีดเยอะกว่าตัวเมีย เพราะไข่ตัวเมียแค่ปลาสบัดตัวก็หลุดออกมาแล้ว เราจึงขอแนะนำว่าถ้าท่านถนัดข้างขวาก็ให้จับตัวผู้รีดที่มือขวา แล้วตัวเมียไว้ที่มือซ้าย
5. การรีดไข่ต้องมีเทคนิค ขณะรีด...ต้องวนมือเป็นวงกลมตามกาละมังไปด้วย เหตุเพราะอยากให้ไข่ที่เกาะติดกาละมังกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเปอร์เซนต์การฟักที่สูงขึ้น จากประสบการณ์พบว่า ไข่ที่กระจุกตัวกันอยู่ จะเกิดราและทำให้ไข่ที่กระจุกกันอยู่ตรงบริเวณรอบๆ นั้นเสียทั้งหมด
6. จากนั้นทิ้งไว้ 10-15 นาที จึงนำกาละมังไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง เราจะพบไข่ปลาสีเหลืองใสติดหนึบอยู่ที่ก้นกาละมัง
7. นำกาละมังไปแช่ไว้ในอ่างแล้วเปิดอ๊อกให้แรง เพื่อให้ออกซิเจนเพียงพอสำหรับไข่ที่กำลังจะฟัก



ต่อมาไข่ปลาจะมีจุดสีดำขึ้น หมายถึงการปฏิสนธิที่สมบูรณ์มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในไข่ หากไข่นั้นมีสีขาวขุ่น แสดงว่า "ไข่ฝ่อ" ซึ่งภายในนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ สาเหตุที่ไข่ฝ่ออาจเกิดจากน้ำเชื้อจากตัวผู้ไม่แข็งแรงและน้ำที่เราใช้อาจไม่สะอาดพอ เป็นเหตุทำให้เกิดราและถ้าไข่ขาวขุ่นเป็นจำนวนมากอาจทำให้ราขยายตัว ซึ่งทำให้ไข่ใกล้เคียงกันนั้นเสียไปด้วย หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 -4 วัน ลูกปลาตัวน้อยก็จะเริ่มดีดตัวออกมาจากไข่ ลูกปลาจะดีดตัวออกมาเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในน้ำด้วย หากอุณหภูมิค่อนข้างเย็นลูกปลาก็จะออกมาช้าซึ่งเป็นผลดี เพราะการที่ลูกปลาอยู่ในไข่นานเท่าไหร่ก็จะทำให้การพัฒนาเป็นตัวสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยเรานั้นเป็นเมืองร้อน จึงได้มีการนำชิลเลอร์มาใช้เพื่อรักษาอุณหภูมิน้ำให้เย็นระหว่างฟักไข่ปลา เพื่อต้องการที่จะให้ลูกปลาที่ออกมาสมบูรณ์ที่สุด



การอนุบาลลูกปลา

1.เมื่อลูกปลาเริ่มดีดออกมาจากไข่แล้วให้เบาอ๊อกลง เพราะลูกปลามีความเปราะบางมาก หากใช้ออกซิเจนแรงอาจทำให้ลูกปลาได้รับการกระทบกระเทือนอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้ จากนั้นเอากาละมังที่มีไข่ที่ยังไม่ออกทิ้ง เพราะลูกปลาที่ยังไม่สามารถออกมาจากไข่ได้นั้น จะเป็นลูกปลาที่อ่อนแอและเล็กแกรน เมื่อลูกปลาออกมา 2-3 วันเรายังไม่ต้องให้อาหาร เพราะลูกปลาจะยังมีถุงอาหารติดอยู่ที่ท้อง ให้สังเกตดูถุงอาหารนั้นถ้ายุบตัวลงและลูกปลาเริ่มว่ายออกหาอาหารแล้ว เราค่อยเริ่มทยอยให้อาหาร
2.สำหรับอาหารลูกปลาระยะนี้ ต้องใช้อาหารที่มีขนาดเล็กมาก เช่น อาร์ทีเมียเกิดใหม่ ลูกไรแดง หรือตอนนี้นิยมใช้หนอนจิ๋ว เพราะสะดวกและง่ายต่อการเพาะเลี้ยง สำหรับหนอนจิ๋วไม่ควรให้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะมีไขมันสูงไม่เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่ลูกปลาต้องการโปรตีนในการเจริญเติบโต ***ระยะนี้ไม่ควรใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปและไม่ควรให้อาหารมากเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย
3.หากจะใช้อาร์ทีเมียเป็นอาหารสำหรับลูกปลา ควรเริ่มตีอาร์ทีเมียตั้งแต่ลูกปลาดีดเป็นตัว เพราะการตีอาร์ทีเมียจะใช้เวลา 1 – 2 วันแล้วแต่อุณหภูมิตอนนั้น หากร้อนก็จะขึ้นเร็วกว่าปกติ สำหรับการตีอาร์ทีเมียจะไม่ขอพูดถึงในบทความนี้ สามารถหาอ่านได้ในเว็บนี้ค่ะ มีทั้งในเว็บบอร์ดและบทความที่เกี่ยวข้องกับอาร์ทีเมีย ส่วนไรแดงต้องทำความสะอาดก่อนให้ลูกปลา เพราะที่มาของไรแดงค่อนข้างสกปรกนิดนึงค่ะ ลูกปลาอาจติดเชื้อโรคได้



4.คอยให้อาหารลูกปลาเป็นระยะๆ อย่างน้อยแล้ว วันละ 4 – 6 ครั้งต่อวัน ให้อาหารแต่พอเพียงดูว่าปลากินหมดภายใน 15 นาที ไม่ต้องให้จนเหลือกลัวปลากินไม่อิ่ม เพราะจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ลูกปลาที่อ่อนแออยู่แล้วตายลง สังเกตดูเวลาลูกปลาหิว – ลูกปลาอิ่ม หากลูกปลาเริ่มหิวจะว่ายไปมาอย่างรวดเร็วเวลาเราเดินผ่าน และถ้าลูกปลาอิ่ม ลูกปลาจะลอยทิ้งตัวอยู่นิ่งๆ ท้องจะแดงและโตเต็มไปด้วยอาร์ทีเมียหรือไรแดงที่ให้ไป ทั้งนี้เราไม่ต้องตกใจหากท้องของลูกปลาบิดเบี้ยว อันเนื่องมาจากโครงสร้างภายในที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอจนกว่าลูกปลาจะกินอาหารเม็ดหรือกินหนอนแดงได้ ท้องของลูกปลาก็จะไม่บิดเบี้ยวตามที่เห็นดังภาพ



5.การเปลี่ยนน้ำให้ลูกปลา เป็นสิ่งเสี่ยงที่สุดในการเสียชีวิตของลูกปลาแต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้คอยดูดเศษอาหารที่เหลือตกค้าง หรือสิ่งสกปรกที่ตกตะกอนอยู่ออกให้หมดเพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย แล้วค่อยๆ เติมน้ำทีละน้อยๆ ลงไปจนเต็มเหมือนเดิม ขั้นตอนนี้ต้องทำอย่างพิถีพิถันซักนิด เพราะหากลูกปลาเกิดช็อคน้ำจะทยอยตายกันหมดทั้งอ่าง ทั้งนี้น้ำที่ใช้ต้องแน่ใจว่าเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน
6.เมื่อลูกปลามีขนาดโตขึ้นมาแล้ว เราจึงจะสามารถเลี้ยงดูด้วยอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารทั่วไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ด หนอนแดง หรืออาหารเสริมอื่นๆ



การคัดลูกปลา

1.เมื่อลูกปลามีอายุได้ 15 วัน ก็เริ่มแข็งแรงและเริ่มเห็นลักษณะชัดเจนขึ้นพอที่จะสามารถจำแนกปลาออกไปเลี้ยงแยกในอ่างแต่ละอ่างได้แล้ว โดยอ่างแต่ละอ่างควรคัดปลาลงอ่างประมาณ 50 ตัว/ 1 อ่าง (ขนาดอ่าง 90 x 100 x 25 ซม.) ส่วนปลาที่เหลือเราก็คัดทิ้งหรือทำเป็นปลาเหยื่อหรือหากมีที่เลี้ยงเพียงพอก็เลี้ยงไว้ก็ได้ค่ะ แต่ส่วนมากผู้เพาะปลาจะทำการคัดทิ้งซะมากกว่า ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ทำใจยากมากที่สุด
2.เราจะทยอยคัดปลาไปเรื่อยๆ ที่สังเกตง่ายๆ เป็นอันดับแรกที่ต้องคัดออกคือ ปลาพิการ ปลาพิการจะมีลักษณะต่างๆ เช่น หางปลาทู ตาบอด ครีบไม่ครบ หากเป็นรันชูหรือสิงห์ก็จะไม่มีกระโดง ส่วนอันดับต่อไปคือ ปลาที่แคระแกรน ปลาที่ลำตัวคดงอ หางลีบ และต่อไปเป็นลักษณะที่ต้องใช้ความชำนาญบวกด้วยประสบการณ์เป็นพิเศษในการคัด คือการดูลักษณะที่ได้มาตรฐาน หางต้องกาง ไม่ว่าจะเป็นหางสี่ หางสาม ต้องมีลักษณะการว่ายที่ดี มีการเจริญเติบโตที่ดี สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยประสบการณ์ถึงจะมองเห็นอนาคตของลูกปลาแต่ละตัวได้ ซึ่งลูกปลาจะเจริญเติบโตและสวยงามเพียงใดนั้น ก็ต้องมีการเลี้ยงดูและการให้อาหารที่ดีด้วย



เห็นแล้วใช่ไม๊คะว่า การเพาะพันธุ์ปลานั้นไม่ยากเลย แต่จะเลี้ยงยังไงให้สวยงามนั้นยากกว่า เพราะทุกๆ ขั้นตอนที่กล่าวมา ต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน ปัจจัยทุนทรัพย์และที่สำคัญต้องมีใจรักด้วย มิเช่นนั้น คุณจะเกิดการท้อขึ้นมากระทันหัน ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังเพาะพันธุ์ปลาทองอยู่ด้วยค่ะ ลูกปลาที่เกิดด้วยฝีมือคุณ จะทำให้คุณเกิดความภูมิใจมากกว่าการซื้อมาจากร้านขายปลา ถึงแม้ว่ามันจะไม่สวยแต่ก็เปี่ยมด้วยคุณค่าทางจิตใจ...@^_^@


ที่มา...http://www.kapank.com/pets/contents/fish/breedbabyranchu/breedbabyranchu.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น